การบริหารร่างกายมีหลายต้นแบบ ผู้คนมักเลือกออกพลังกายเฉพาะที่ตัวเองพึงพอใจ แต่ การบริหารร่างกายให้ครบทุกต้นแบบจะช่วยสร้างเสริมสมรรถนะร่างกายทุกด้านให้ดียิ่งขึ้น โดยการบริหารร่างกายแบ่งได้เป็น 4 จำพวกหลัก อาทิเช่น การบริหารร่างกายแบบแอโรบิก การบริหารร่างกายฝึกหัดกล้าม การยืดกล้าม รวมทั้งการบริหารร่างกายเสริมการเลี้ยงตัว ดังต่อไปนี้
การออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic Exercise)
การบริหารร่างกายชนิดนี้นับว่าสำคัญต่อรูปแบบการทำงานของร่างกาย โดยช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและก็การหายใจดียิ่งขึ้น ช่วยขยายฝาผนังเส้นเลือด ลดระดับความดันเลือด สลายไขมันส่วนเกินภายในร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดอาการอักเสบ และก็เพิ่มระดับไขมันดี ดังนี้ การบริหารร่างกายแบบแอโรบิกควบคู่กับการลดความอ้วนยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ควรจะทำกิจกรรมต่อเนื่องกันอย่างต่ำวันละ 30 นาที หรืออาทิตย์ละ 150 นาที ดังเช่นว่า เดินเร็ว ว่าย จ็อกกิ้ง ขี่จักรยาน หรือทำกิจกรรมตามจังหวะ
อย่างไรก็แล้วแต่ การบริหารร่างกายแบบแอโรบิกควรอยู่ในขอบเขตที่จำกัดที่สมควร ไม่สมควรหักโหมจนกระทั่งหายใจไม่ทัน เวียนหัว เจ็บหรือแน่นหน้าอก หรือรู้สึกแสบร้อนกึ่งกลางอก ดังนี้ ควรจะวอร์มร่างกายหรือคลายกล้ามทุกหน จิบน้ำระหว่างบริหารร่างกายให้พอเพียง ส่วนคนที่มีปัญหาสุขภาพบางสิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ป่วยด้วยโรคหัวใจวาย หรือโรคไต ควรจะจำกัดจำนวนของเหลวตามหมอสั่ง
ไม่สมควรกินน้ำขณะบริหารร่างกายมากเกินความจำเป็น
ทั้งควรจะแต่งตัวให้เหมาะสมกับลักษณะอากาศในเรื่องที่ออกแรงที่โล่งแจ้ง และไม่ออกแรงในที่ที่อากาศหนาวหรือร้อนเกินความจำเป็น เหตุเพราะบางทีอาจเป็นลมเป็นแล้งแดด ถ้าหากอากาศร้อนจัด หรืออุณหภูมิร่างกายลดลดน้อยลงในเรื่องที่อากาศหนาวจัด
การออกกำลังแบบฝึกกล้ามเนื้อ (Strenght Training)
ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อตามอายุยงที่มากขึ้น การออกกำลังฝึกหัดกล้ามจะช่วยสร้างกล้ามที่สูญเสียไปได้ โดยสามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับฝึกหัดกล้าม ยางยืดสำหรับบริหารร่างกาย หรือสิ่งของต่างๆในบ้านมาปรับใช้สำหรับฝึกฝนกล้าม ดังนี้ ควรจะบริหารกล้ามผูกใหญ่อาทิตย์ละ 2 วันหรือมากยิ่งกว่านั้น และก็ฝึกหัดกล้ามทีละโดยประมาณ 30 นาที
โดยห้ามฝึกฝนกล้ามกรุ๊ปเดียวกันชิดกัน 2 วัน การออกกำลังจำพวกนี้จะช่วยทำให้กล้ามแข็งแรง กระตุ้นการเติบโตของกระดูก ลดน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยจัดท่าทางร่างกายรวมทั้งการเลี้ยงตัว รวมถึงลดอาการตึงหรือปวดรอบๆข้างหลังด้านล่างแล้วก็ข้อต่อ อย่างไรก็ดี การออกกำลังฝึกฝนกล้ามควรจะนึกถึงความปลอดภัยต่อร่างกายเป็นหลัก